SQ ยกเลิกสัญญาในเมียนมา แต่มั่นใจคว้างานใหม่ทดแทน พร้อมชู Backlog สูงถึง 3 หมื่นลบ.
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) จันทร์ที่ 17 มิถุนายน
นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้ลงนามสัญญาจ้างเหมาผลิตแร่ดิบกับ บริษัท เมียนมาร์ พงษ์พิพัทธ์ จำกัด เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อดำเนินการการผลิตแร่ดิบ ณ เหมืองเฮนดา เมืองเมตตาทวาย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมานั้น ล่าสุดการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 6/2562 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 มีมติยกเลิกสัญญาจ้างเหมาผลิตแร่ดิบ กับบริษัท เมียนมาร์ พงษ์พิพัทธ์ จำกัด
เนื่องจากนับตั้งแต่วันลงนามในสัญญาจนถึงปัจจุบัน บริษัท เมียนมาร์ พงษ์พิพัทธ์ จำกัด ยังต้องใช้เวลาในการต่ออายุประทานบัตรระยะยาวจากรัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และยังไม่สามารถระบุระยะเวลาที่แน่ชัดในการได้ประทานบัตรให้กับบริษัททราบได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ จึงได้ยกเลิกสัญญาจ้างเหมาผลิตแร่ดิบดังกล่าว โดยเป็นการยกเลิกสัญญาด้วยความสมัครใจของทั้ง 2 ฝ่าย บริษัทไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยกเลิกสัญญาแต่อย่างใด ซึ่งการยกเลิกสัญญานี้ ทำให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการได้มากขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทยังมีโครงการขนาดใหญ่อีกหลายโครงการ ที่ได้เซ็นสัญญาและอยู่ระหว่างดำเนินงาน โดยมูลค่างานในปัจจุบันอยู่ที่ 30,310 ล้านบาท
อนึ่ง เครื่องจักรอุปกรณ์และวัสดุต่าง ๆ ที่บริษัทจัดหาไว้เพื่อการเตรียมงานในช่วงที่ผ่านมามูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท บริษัทได้จำหน่ายให้แก่บริษัท เมียนมาร์ พงษ์พิพัทธ์ จำกัด ไปบางส่วนและส่วนที่เหลือทั้งหมดบริษัทสามารถนำไปใช้ในโครงการอื่น ๆ ที่มีในปัจจุบัน และโครงการใหม่ในอนาคตซึ่งบริษัทพยายามหาโครงการที่มีศักยภาพอย่างแท้จริงเพื่อเสริมสถานะงานในมือ (backlog) ให้มั่นคงต่อไป
นายศาศวัต กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังมีปริมาณงานในมือสูงถึง 30,310 ล้านบาท หลังจากบริษัทได้ยกเลิกงานโครงการเหมืองแร่ดีบุก เมืองเฮนดา ในเมียนมา มูลค่าประมาณ 3,672 ล้านบาท โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ประกอบกับยังอยู่ระหว่างเสนองานโครงการเหมืองขนาดใหญ่หลายโครงการในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในสปป.ลาว และเมียนมา ทำให้มีความมั่นใจว่าจะได้รับงานใหม่ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าและมีเสถียรภาพสูงกว่างานเหมืองดีบุกที่ได้ขอยกเลิกไป
สำหรับมูลค่างานที่มีอยู่สามารถรองรับการรับรู้รายได้ประมาณ 9 ปี ประกอบด้วย งานโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 มูลค่าประมาณ 18,106 ล้านบาท, งานโครงการเหมืองหงสา ที่สปป.ลาว มูลค่าประมาณ 9,619 ล้านบาท , งานโครงการเหมืองแม่เมาะ 7 มูลค่าประมาณ 320 ล้านบาท และล่าสุดบริษัทได้รับงานเพิ่มจากโครงการเหมืองหงสา มูลค่ากว่า 2,265 ล้านบาท